


Use Case: Hyper-Converged Infrastructure (HCI) — 2 Node Cluster Deployment
หลายองค์กรในปัจจุบันเริ่มมองหาโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ที่ให้ทั้งความเสถียร ความปลอดภัย และการขยายตัวได้ในอนาคต โดยไม่ต้องลงทุนสูงเหมือนระบบ Data Center ขนาดใหญ่แบบเดิม
หนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยมคือ HCI (Hyper-Converged Infrastructure) แบบ 2 Node Cluster — ซึ่งเป็นรูปแบบที่สามารถให้ความพร้อมใช้งาน (High Availability) ได้โดยใช้เพียง 2 เครื่องแม่ข่าย (Physical Servers)
สถาปัตยกรรมของระบบ 2 Node HCI
ในระบบนี้ เราใช้เครื่องแม่ข่าย 2 เครื่องเชื่อมต่อกันผ่านเครือข่ายความเร็วสูง (เช่น 10GbE หรือ 25GbE) โดยมีการออกแบบให้ทั้งสองเครื่องทำงานร่วมกันแบบกระจาย (Distributed Architecture)
Compute + Storage รวมกันในแต่ละ Node
แต่ละเครื่องจะมีทั้ง CPU, RAM และ Storage ในตัวเอง และใช้ซอฟต์แวร์ HCI รวมทรัพยากรเข้าด้วยกัน
Virtualization Layer:
ใช้ Hypervisor (เช่น Sangfor, OpenStack, หรือ Proxmox) จัดการ VM และ Container ทั้งหมดในคลัสเตอร์
Data Replication:
ข้อมูลถูกจำลองแบบ Real-time ระหว่าง Node ทั้งสองเครื่อง เพื่อให้ระบบยังคงทำงานได้แม้มีเครื่องหนึ่งล่ม (Fault Tolerance)
Witness Node (Optional):
ในบางระบบ (เช่น Sangfor HCI หรือ VMware vSAN) อาจมี Witness Node เล็ก ๆ เพื่อช่วยตรวจสอบสถานะ (quorum) และป้องกัน split-brain
ประโยชน์ของ HCI แบบ 2 Node
หมวด รายละเอียด
- ต้นทุนต่ำกว่า HCI ขนาดใหญ่ ใช้เพียง 2 เซิร์ฟเวอร์หลัก ลดค่าใช้จ่ายทั้ง Hardware และ License
- ประสิทธิภาพสูง ทำงานแบบ All-in-One ทั้ง Compute, Storage และ Network
- High Availability ถ้า Node ใด Node หนึ่งล่ม ระบบจะย้ายงาน (Failover) ไปยังอีก Node ได้ทันที
- ขยายต่อได้ง่าย สามารถเพิ่ม Node ที่ 3 หรือ 4 ในอนาคตโดยไม่ต้องรื้อระบบ
- ความปลอดภัยและสำรองข้อมูล รองรับ Snapshot, Backup, และ Data Replication แบบ Real-time
ตัวอย่างการใช้งานจริง
กรณีศึกษา: โรงพยาบาลเอกชนขนาดกลาง ต้องการรวมระบบ HIS, ERP, และระบบกล้องวงจรปิดให้อยู่ในศูนย์กลางเดียว
โซลูชันที่ใช้:
- ติดตั้ง HCI แบบ 2 Node ด้วย Sangfor HCI
- ใช้ SSD + HDD Hybrid Storage เพื่อสมดุลระหว่างความเร็วและความจุ
- จัดการ VM ผ่าน Centralized Console เดียว
- ตั้งระบบ Snapshot และ Backup ข้าม Node แบบอัตโนมัติ
ผลลัพธ์:
- ลดค่าใช้จ่ายรวมกว่า 40% เมื่อเทียบกับการซื้อ Server + SAN แบบเดิม
- เพิ่มความพร้อมใช้งานระบบ (uptime) เป็นมากกว่า 99.9%
- ลดภาระงานฝ่าย IT เนื่องจากไม่ต้องแยกดูแล Storage และ Server